อ่านบทความเรื่อง Scrum does not work here in Asia
แล้วพบว่ามีประเด็นต่าง ๆ ที่น่าสนใจอย่างมาก
สำหรับการนำเอา Agile และ Scrum มาปรับใช้งาน
ว่าทำไมบริษัทส่วนใหญ่ในเอเชียถึงไม่ค่อยประสบความสำเร็จ
โดยเฉพาะองค์กรใหญ่ที่มีอายุเยอะ ๆ
มาเริ่มกันเลย
ใช้ได้ดี เฉพาะในส่วนของการพัฒนา software เท่านั้น !!
ส่วนฝ่าย management ยังคงทำงานในรูปแบบเดิม ๆ อยู่ เนื่องจากมีความใจผิด ๆ ว่ามันใช้กับการพัฒนา software เท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับส่วนอื่น ๆ เลย !! รวมไปถึงวัฒนธรรมของคนเอเชียด้วย ซึ่งมันขัดแย้งกับแนวทางของ Agile และ Scrum อย่างมาก ทำให้ฝ่าย management มักจะต่อต้าน การนำเอา Agile และ Scrum มาใช้งาน แต่ก็ยังมีบริษัทในเอเชียบางส่วน ที่ประสบความสำเร็จในการนำมาใช้งาน โดยบริษัทเหล่านั้นมักจะมีคุณสมบัติดังนี้- เจ้าของบริษัทเป็นคนรุ่นใหม่ อายุไม่เยอะ
- เรียนจบมาจากต่างทวีป
- เจ้าของเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า Agile และ Scrum มันจำเป็นอย่างมาก เพราะว่าเคยอยู่ในสภาวะแวดล้อมเช่นนั้นมา
บริษัทส่วนใหญ่นั้นจะมีโครงสร้างเป็นลำดับชั้นที่ลึกมาก ๆ
โดยมี programmer อยู่ล่างสุด !! แน่นอนว่าเงินเดือนก็ต่ำสุดนั่นเอง นี่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คนทำงานส่วนใหญ่ ไม่เคยฝันอยากจะเป็น programmer กันเลย !! และมันทำให้ programmer ส่วนใหญ่เฉื่อยชา ไม่กระตือรือล้นมากนัก ดังนั้น ถ้ามีปัญหาอะไร มักจะถามว่าต้องทำอย่างไรเสมอ ดังจะเห็นได้ตามใน community เกี่ยวกับ Agile/Scrum ว่า คนในเอเชียจะถามเกี่ยวกับ career path ของ Scrum Master, Developer ใน Agile/Scrum เยอะมาก ๆ บ่อยครั้งที่เข้าใจว่า Scrum Master คือ Manager นั่นเอง บ่อยครั้งที่เรามี Product Owner ที่ไร้ซึ่งอำนาจในการตัดสินใจ บ่อยครั้งที่เรามี Product Owner ที่ไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลย บ่อยครั้งที่เรามี Product Owner ที่ไม่เคยว่าง หรือ ยุ่งมากเสมอ และไม่สามารถทำงานกับทีมพัฒนาได้คนในเอเชียชอบประนีประนอม ไม่ชอบความขัดแย้ง
มักจะหลีกเลี่ยงข้อขัดแย้ง หรือ ปัญหาต่าง ๆ อยู่เสมอ ถามว่าผิดไหม ตอบได้เลยว่าไม่ผิด แต่ว่ามันตรงข้ามกับทางฝั่งตะวันตก ที่ไม่กลัวความขัดแย้ง ไม่ว่าจะระหว่างหัวหน้ากับลูกน้องก็ตาม จากนิสัย หรือ พฤติกรรมแบบดังนี้ ทำให้มันกระทบ และ ขัดแย้งกับแนวทางของ Agile/Scrum อย่างมาก เช่น ใน Sprint Retrospective มันจะน่าเบื่ออย่างมาก เนื่องจากแต่ละคนในทีม จะบอกว่าใน Sprint ที่ผ่านมากไม่มีปัญหาอะไรเลย !! แต่เมื่อมีใครสักคนหนึ่ง พูดถึงปัญหาขึ้นมาแล้ว คนอื่น ๆ มักจะพูด หรือ โยนปัญหาต่าง ๆ มาอีกมากมาย ใน Sprint Planning นั้น มักจะเป็นการนั่งฟัง จากคนที่มีอำนาจสูงสุด หรือเสียงดังสุดเท่านั้น ไม่มีข้อมูล หรือ รายละเอียดอะไร ไม่มีการต่อรองใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งมันไม่ต่างอะไรกับการทำงานเช่นเดิม ตาม Waterfall เลยนะ !! ใน Sprint Review นั้น จะเป็นการ demo ระบบแบบทางเดียว และการ update สถานะของ project ให้ฝ่าย management เท่านั้นนี่มันคือการทำงานเช่นเดิมนะเนี่ย !! เพียงแค่เปลี่ยนชื่อของการประชุมหรือเปล่านะ ?
ต่อมาคือ เรื่องของระบบการศึกษา
มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนจริง ๆ จึงสรุปด้วยประโยคนี้ดีกว่าAsian education system is all about high grades and ranks, not about experimenting, self-discovery and making mistakes, which is what Agility is all about.นั่นคือการระบบศึกษาในเอเชียส่วนใหญ่ มันตรงข้าม และ เป็นอุปสรรคต่อ Agile/Scrum ทั้งนั้นเลย ไม่ว่าจะเป็น
- การทดลอง
- การเรียนรู้จากความผิดพลาด
Educating Asian about self-organisation and self-discovery means undoing what people have been taught in school and university for almost sixteen years.
สิ่งสุดท้ายที่มันโดนใจมาก ๆ คือ Outsourcing !!
พูดได้เลยว่า เอเชียคือสวรรค์ของธุรกิจ Outsourcing กันเลยทีเดียว เป็นอุปสรรคที่สำคัญของการนำ Agile/Scrum มาปรับใช้งานเลย ทำไมล่ะ ? เนื่องจากบริษัทในยุโรป อเมริกา นั้น ทำการ outsource งานไปยัง เอเชีย เพื่อลดค่าใช้จ่าย แต่ในความเป็นจริง มันคือการเพิ่ม cost !! นั่นคือ การลดค่าใช้จ่ายสำหรับการพัฒนา ไม่ได้หมายความว่า การสร้างวัฒนธรรมแบบ Agile/Scrum มันจะถูกนะ ดังนั้น การจะสร้างทีมที่แจ่ม ๆ การจะสร้างนักพัฒนาที่แจ่ม ๆ มันไม่ถูกเลยนะ มันคงไม่ใช่เพียงส่งไปเรียน ไปสอบนะ หลาย ๆ คนคิดว่า Scrum มันคือวิธีการหนึ่งของ project management !! เพียงแค่นำ framework มาใช้งานเลย ไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรมาก แล้วทุกสิ่งอย่างมันจะถูกแก้ไข และ ดีขึ้นมาเอง ซึ่งผิดอย่างมากมาย !!คำถาม คุณคิดว่าในประเทศไทยมีปัญหาตามบทความนี้หรือไม่ อย่างไร ?