วันนี้ระหว่างเดินทางกลับจากเชียงใหม่ เดินผ่านร้านหนังสือในสนามบิน
เห็นหนังสือชื่อว่า Sprint: How to Solve Big Problems and Test New Ideas in Just Five Days
เพียงแค่เห็นชื่อหนังสือเท่านั้นแหละ หยิบไปจ่ายเงินเลย
ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เปิดดูเนื้อหาในหนังสือเลย
แต่เมื่ออ่านไปได้ 3 บท ก็ต้องหยุด และ มาสรุปกันเลยทีเดียว !!
เริ่มด้วยโครงสร้างของหนังสือ หรือ ของ Sprint นั่นเอง
แสดงดังรูป เริ่มด้วยที่มาที่ไปของคำว่า Sprint หรือรอบการทำงาน ว่าทำไมต้อง Sprint ละ 5 วัน ? โดยมาจากการลองผิดลองถูก ตั้งแต่รอบละ 2-4 สัปดาห์ พบว่า รอบการทำงานมันยาวนานเกินไป และไม่ได้ผลที่ต้องการเมื่อจบ Sprint การทำงาน หรือได้รับ feedback จากผู้ใช้งานจริง ๆ ช้าไป บางครั้งจมอยู่กับปัญหา และ ไม่ focus ในเป้าหมาย อันเนื่องมาจากเป้าหมายมันใหญ่ และ เยอะจนเกินไป !!จากนั้นทำการแนะนำการเตรียมตัวก่อนเริ่มเข้า Sprint เรียกว่า Set the stage
ต้องประกอบไปด้วยสิ่งต่าง ๆ ดังนี้- เป้าหมายที่ชัดเจนและมีความท้าทายด้วย (Challenge)
- ทีมงานที่ลงตัว (Team)
- มีการจัดการเวลาที่ดี และ พื้นที่การทำงานที่เหมาะสม สำหรับการทำงานของ Sprint (Time and Space)
- คนที่ตัดสินใจได้ (Decider)
- คนที่คอยกำหนดจังหวะต่าง ๆ ของการทำงาน (Facilitator)
- Expert domain ในเรื่องต่าง ๆ ที่จำเป็นต่องานที่กำลังทำ เช่น การเงิน การตลาด เกี่ยวกับลูกค้าสัมพันธ์ เทคโนโลยี และ การออกแบบ เป็นต้น
ทีมจะต้องทำงานกันเป็นทีมเสมอเนื่องจากถ้าไม่มีการจัดการเรื่องเวลาที่ดี ก็จะวางแผนอะไรไม่ได้เลย เช่นการประชุม และ สิ่งรบกวนต่าง ๆ สิ่งที่ผมชอบมาก ๆ คือ การอธิบายว่า สาเหตุที่งานไม่คืบหน้าเลย หรือ productivity แย่มาก ๆ เนื่องจากมีสิ่งรบกวนมากมายตลอดทั้งวัน เช่น การประชุม, email, มือถือ รวมไปถึงงานแทรกต่าง ๆ มากมาย แสดงดังรูป ดังนั้น การทำงานใน Sprint 5 วันนั้น จำเป็นต้องเปลี่ยนจังหวะการทำงานใหม่ โดยให้เริ่มทำงานตั้งแต่ 10.00 - 17.00 น. ช่วงที่หายไป คือ
- 9.00 - 10.00 น. ให้ทุกคนเตรียมตัวก่อนเริ่มทำงาน
- 17.00 - 18.00 น. ให้ทุกคนหยุดทำงาน พักเหนื่อยก่อนกลับ อย่าลืมว่าต้องทำงานกันทั้งสัปดาห์
Good workspace not to be Fancyโดยในหนังสือเน้นมาก ๆ เรื่อง whiteboard ที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ เนื่องจากทุก ๆ อย่างต้องแสดงออกมาให้ทุกคนเห็น ห้ามซ่อนโดยเด็ดขาด เช่น ความคิดเห็น การออกแบบ การทำงานของระบบ รวมไปถึงโครงสร้างของระบบ ให้เขียนลงใน Whiteboard ทั้งหมด รวมทั้งการพูดคุยและการประชุมต่าง ๆ เนื่องจากสมองของคนเราไม่สามารถจดจำอะไรได้มาก และ นาน ดังนั้น ก่อนเริ่ม Sprint อย่าลืมตรวจสอบ Whiteboard กันนะ
มีคำถามที่น่าสนใจ คือ งานแบบไหนที่เหมาะกับการทำงานเป็น Sprint ?คำตอบในหนังสือคือ เหมาะสำหรับงานทุกประเภทนั่นแหละ ถ้ารู้ว่ามันคืออะไร ? ถ้ารู้ว่ามันสำคัญอย่างไร ? ถ้ารู้ว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญ ? เนื่องจากการทำงานในช่วงสั้น ๆ มันทำให้เรา focus กับงานนั้น ดังนั้น จะไม่มีเวลามา drama กันหรอกนะ
ต่อมาทำการอธิบายว่า ในแต่ละวันต้องทำอะไรบ้าง
โดยมีเป้าหมายว่า ในวันสุดท้ายจะต้องทำการทดสอบกับผู้ใช้งานจริง เพื่อเรียนรู้ว่า สิ่งที่ทำมาทั้ง 4 วันนั้น มันใช่หรือไม่ และควรจะปรับปรุง เปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ซึ่งตรงนี้กำลังอ่านอยู่เลย แต่สามารถสรุปคร่าว ๆ ได้ดังนี้- วันจันทร์ ทำความเข้าใจกับเป้าหมาย และ ปัญหา เพื่อให้เห็นว่าอะไรที่สำคัญ และกำลังจะทำอะไรกัน
- วันอังคาร ทำการคิดและเขียน solution ต่าง ๆ ออกมา ซึ่งเขียนบนกระดาษ
- วันพุธ ทำการตัดสินใจว่าจะทำอะไร เพื่อเปลี่ยนจากแนวคิดมาเป็นสิ่งที่สามารถนำไปทดสอบได้
- วันพฤหัสบดี ทำการสร้างและพัฒนาออกมาเป็น prototype ที่ใช้งานจริงได้
- วันศุกร์ ทำการทดสอบกับผู้ใช้งานจริง ๆ